การปลูกแก้วมังกร (อย่างละเอียด)
แก้วมังกร อยู่ในวงศ์ Cactaceae ซึ่งเป็นวงศ์เดียวกับตะบองเพชร มีพื้นเพดั้งเดิมอยู่ในอเมริกากลาง เข้ามาในเอเชียที่เวียดนามก่อน โดยบาทหลวงชาวฝรั่งเศสเมื่อประมาณ 100 ปีมาแล้ว โดยปลูกมากตามแนวชายฝั่งทะเลตะวันออกจากเมืองญาตรังไปจนถึงไซ่ง่อน
สำหรับประเทศไทยเริ่มรู้จักผลไม้ชนิดนี้อย่างแพร่หลายเมื่อ พ.ศ. 2534 เนื่องจากมีการนำเข้าต้นพันธุ์ดีจากเวียดนามมาปลูกเพื่อเป็นพืชเศรษฐกิจ โดยพันธุ์ที่มีการนำเข้ามาในช่วงแรกเป็นพันธุ์เนื้อในสีขาว ต่อมาอีกระยะหนึ่งจึงมีการนำเข้าแก้วมังกรพันธุ์เนื้อในสีแดง ที่มีชื่อว่า "แดงสยาม" ซึ่งเป็นพันธุ์มาจากไต้หวัน เข้ามาปลูกในประเทศไทย
สวนแก้วมังกรที่ไตหวัน |
วิธีปลูกและดูแลรักษาต้นแก้วมังกร
ขั้นตอนแรก เป็นขั้นตอนการเตรียมเสาสำหรับให้ต้นแก้วมังกรเลื้อย โดยใช้ท่อใยหินกว้าง 4 – 6 นิ้ว สูง 1.5 – 2 เมตร นำท่อมาเจาะรูที่ปลายด้านบน 4 รู แล้วตัดเหล็กเส้นให้ได้ขนาดตามยางรถ นำเหล็กเส้นที่ตัดแล้ว 2 เส้นสอดเข้าไปในรูที่เจาะไว้ ให้เป็นเครื่องหมายกากบาทแล้วนำยางรถมาวางทับเหล็กเส้นไว้ จากนั้นใช้ลวดมัดให้แน่นหนา เพื่อความแข็งแรง
จากนั้นขุดหลุมขนาด 60 x 60 x 60 เซนติเมตร นำเสาที่ประกอบเสร็จแล้วมาวางไว้ในหลุม แล้วกลบดินเล็กน้อย ใส่ปุ๋ยคอกลงไปในหลุมจนเกือบเต็มหลุม นำต้นแก้วมังกร 4 – 5 ต้น มาปลูกรอบ ๆ โคนเสา (ท่อใยหิน) แล้วกลบดินให้เต็มหลุม ใช้เชือกหรือผ้ามัดต้นแก้วมังกรไว้กับเสาเพื่อป้องกันไม่ให้ต้นแก้วมังกรล้มหรือหัก
การดูแลรักษาแก้วมังกร
ต้นแก้วมังกรชอบดินร่วนระบายน้ำได้ดี มีอินทรียวัตถุสูง ความเป็นกรดเป็นด่างอยู่ระหว่าง 6.3 - 6.8 ความชื้น 65% ชอบแสงแดดพอเหมาะ โล่งแจ้ง และที่ได้กล่าวไว้ในช่วงต้นว่า ต้นแก้วมังกรเป็นพืชสกุลเดียวกับกระบองเพชร เพราะฉะนั้นแก้วมังกรจึงไม่ชอบน้ำ ในช่วงฤดูหนาวและฤดูร้อนให้น้ำเพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ส่วนในฤดูฝนนั้นไม่ต้องให้น้ำเลย ในเรื่องของการให้ปุ๋ย ควรให้ปุ๋ยปีละ 3 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 ควรใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยสูตรเสมอ 15 – 15 - 15 ระหว่างเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน ซึ่งถ้าหากใส่ปุ๋ยคอกจะทำให้รสชาติของแก้วมังกร ออกหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย ครั้งที่ 2 ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยสูตรเสมอ 15 – 15 - 15 ในช่วงเดือนมกราคม เพื่อเป็นการบำรุงต้นให้สมบูรณ์ ครั้งที่ 3 ควรใส่ปุ๋ยที่มีค่าตัวหลังมากๆ เช่น 15 – 17 - 18 หรือ 10 – 10 - 40 เพื่อเป็นการเตรียมและเร่งให้ต้นแก้วมังกรออกดอก
ถ้าหากต้นแก้วมังกรออกยอดสูงกว่าเสาเล็กน้อย ให้ใช้มือเด็ดปลายยอดทิ้ง ซึ่งจะช่วยทำให้ต้นแก้วมังกรแตกยอดออกมากขึ้น สำหรับหญ้าที่ขึ้นใกล้ ๆ โคนต้น ควรกำจัดอยู่เสมอ เพื่อให้ต้นแก้วมังกรได้รับสารอาหารเต็มที่ และทุก 2 ปี หลังจากต้นแก้วมังกรออกผลจนหมด ในช่วงเดือนตุลาคมควรตัดแต่งกิ่งให้สวยงาม เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ต้นแก้วมังกรแตกกิ่งใหม่ได้มาก
การเก็บเกี่ยวแก้วมังกร
ควรเก็บเกี่ยวผลแก้วมังกรที่มีอายุประมาณ 2 เดือน นับตั้งแต่ออกดอกจนกระทั่งเก็บเกี่ยว หรือสังเกตจากผลที่จะต้องมี สีแดงทั่วทั้งผล จากนั้นใช้กรรไกรตัดกิ่งตัดผลแก้วมังกรออกจากกิ่ง และต้องระมัดระวังอย่าให้กิ่งหัก
การขยายพันธุ์แก้วมังกร
วิธีการขยายพันธุ์แก้วมังกรที่ง่าย และสะดวกคือการปักชำ โดยเกษตรกรต้องเลือกเฉพาะกิ่งที่แก่เท่านั้น ไม่ควรใช้กิ่งอ่อนเพราะจะทำให้กิ่งเน่า กิ่งแก่ในแต่ละกิ่งสามารถตัดเป็นท่อนได้หลายท่อน ซึ่งจะต้องตัดให้มีความยาวประมาณ 12 ฟุต นำโคนกิ่งแก่ (ด้านโคนหนามจะตั้งขึ้น)นำไปจุ่มในน้ำที่ผสมน้ำยาเร่งรากในอัตราเข้มข้นจุ่มโคนให้ลึก 10 เซนติเมตร แล้วนำมาวางไว้ในที่ร่มเป็นเวลา 7 – 10 วัน จนกิ่งเริ่มเหี่ยว
ในระหว่างนี้จึงเตรียมแปลงเพาะชำ เริ่มต้นจากการปรับพื้นที่ดินให้เรียบร้อย ใส่ขี้เถ้าแกลบดำลงในแปลงหนาประมาณ 1 คืบ ถ้าหากแปลงเพาะชำอยู่กลางแจ้งควรมุงด้วยตาข่ายพรางแสง 60% จากนั้นนำกิ่งที่ชุบน้ำยาเร่งรากแล้วไปปักชำให้ลึกประมาณ 10 เซนติเมตร โดยเอาด้านโคนปักลงและต้องตั้งกิ่งให้ตรง ที่สำคัญควรระมัดระวังในเรื่องให้น้ำ เพราะหากให้น้ำมากเกินไปอาจจะทำให้กิ่งเน่าได้ โดยปกติแล้วควรให้น้ำ 2 - 3 วันต่อครั้ง หลังจากปักชำได้ 1 เดือนแล้ว กิ่งแก้วมังกรจะออกราก จึงจะสามารถนำไปปลูกในแปลงได้ วิธีดูว่ากิ่งแก้วมังกรนั้นสมบูรณ์พอที่จะนำไปปลูกได้หรือไม่ ให้สังเกตการแตกยอดอ่อน ควรใช้กิ่งที่มีการแตกยอดอ่อนไปปลูกในแปลง
พันธุ์แก้วมังกรที่แนะนำ
- พันธุ์เนื้อขาวเปลือกแดง (Hylocercus undatus (Haw) Brit. & Rose.) เปลือกสีชมพูสด ปลายกลีบสีเขียว รสหวานอมเปรี้ยวหรือหวานจัด
- พันธุ์เนื้อขาวเปลือกเหลือง (Hylocercus megalanthus) เปลือกสีเหลือง ผลเล็กกว่าพันธุ์อื่น ๆ เนื้อสีขาว เมล็ดขนาดใหญ่และมีน้อยกว่าพันธุ์อื่น รสหวาน
- พันธุ์เนื้อแดงเปลือกแดง (Hylocercus costaricensis) หรือพันธุ์คอสตาริกา เปลือกสีแดงจัด ผลเล็กกว่าพันธุ์เนื้อขาวเปลือกแดง แต่รสหวานกว่า
วิธีปลูกแก้วมังกรในกระถาง
ขั้นตอนแรกให้นำเสาไม้หรือเสาปูนที่เตรียมไว้ตั้งเป็นหลักลงในกระถางที่เตรียมไว้จากนั้นให้นำขุยมะพร้าวใส่ลงในกระถางอัตราส่วน 1 ใน 3 ของกระถางจากนั้นให้นำดินผสมกับแกลบหรือขุยมะพร้าว เทลงในกระถางจนถึงปากกระถาง นำต้นแก้วมังกรลงปลุกในกระถางให้ติดกับเสาจากนั้นให้นำเชือกมัดต้นแก้วมังกรและเสาติดกัน จากนั้นนำดินมากลบต้นแก้วมังกรให้เรียบร้อย
ข้อควรระวังคือ ไม่ควรมัดต้นแก้วมังกรกับเสาให้แน่นจนเกินไป และควรนำด้านแบนผูกติดกับเสาเนื่องจากด้านแบนคือด้านที่จะออกราก
* * * * *
ปลูกแก้วมังกร แล้วไม่มีที่ขาย ขายได้ที่
ตลาดกลาง "ซื้อ-ขาย สินค้าเกษตร, พันธุ์พืช"
ที่สมาชิกเยอะที่สุด
ตลาดกลาง "ซื้อ-ขาย สินค้าเกษตร, พันธุ์พืช"
ที่สมาชิกเยอะที่สุด
VV คลิก VV
กลุ่มเฟซบุ๊ก : ตลาดกลาง ซื้อ-ขายสินค้า เกษตร
แชร์...ตรงนี้ เพื่อเป็นประโยชน์ ให้เพื่อนที่ได้เห็น
VVVVVVVVV