สูตรน้ำหมักบำรุงดิน และ น้ำหมักไล่ศัตรูพืช
การปลูกพืช,ผักสวนครัว ปัญหาที่เกิดขึ้นในการปลูกไม่ค่อยจะเป็นปัญหาใหญ่ แต่มักจะมีการแก้ปัญหาไม่ถูกจุด และส่วนใหญ่มักจะหมดความอดทนในการดูแล พืชผักสวนครัวเป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตน่ะค่ะ เพราะถ้ามีผักที่มีสารพิษตกค้าง เมื่อนำมาประกอบอาหาร หรือนำมารับประทานสดๆบ่อยๆก็จะทำให้เกิดโรคต่างๆแก่ร่างกายของเรา
การกำจัดศัตรูพืช ใช่ว่าจะแก้ปัญหาได้จากการใช้ปุ๋ยเคมีได้อย่างเดียว และการทำปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องยากในการทำ และการที่เราคิดว่าการทำปุ๋ยชีวภาพต้องใช้เวลานาน ไม่ใช่ไปเสียหมดทุกข้อน่ะค่ะ มีเทคนิคใหม่ๆเกิดขึ้นมาใหม่มากมาย ขึ้นอยู่กับว่าเราใส่ใจ ดูแลพืชผักผลไม้ที่เราเพาะปลูกมากแค่ไหน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราจะปลูกหรือแม้กระทั่งจะทำอะไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุด คือการใส่ใจ การสนใจ ในสิ่งที่ทำอยู่ขณะนั่นอย่างจริงจังแล้วผลของการใส่ใจแม้แต่สิ่งเล็กๆน้อยๆ ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะออกมาอย่างดีสมกับที่เราตั้งใจทุ่มเท ทั้งแรงกายแรงใจไปค่ะ
ผู้เขียนเองก็ได้เห็นสูตรการ ใช้ปุ๋ยหมักชีวภาพหรือน้ำหมักมาก็มากมายหลายสูตร บางครั้งก็เห็นด้วยในการใช้เวลานานเกินไป แต่ก็อดคิดตามไม่ได้ว่า ทุกอย่างที่ทำให้ได้ออกมาดีนั้นต้องใช้เวลากันบ้างเป็นธรรมดา แต่บางครั้งก็มีแย้งในใจว่าน่าจะมีเคล็ดลับดีๆที่ใช้ระยะไม่นานมาก บ้างก็คงจะดีไม่น้อย และวันนี้ผู้เขียนก็ได้ไปอ่านเจอข้อมูลของเกษตรกรท่านหนึ่ง เป็นผู้หญิงด้วยค่ะซึ่งแต่ก่อนทำงานอ๊อฟฟิต แล้วได้ผันตัวเองมาทำอาชีพเกษตรกร และได้ตั้งกลุ่มจากชาวเกษตรกรและชาวบ้านขึ้นมาปลูกผักสวนครัว ได้ติดต่อทำการตลาดมีการประกันราคาให้กับชาวบ้าน ซึ่งผลตอบรับออกมาทำให้ได้ผลผลิตทั้งในด้านผักที่ปลอดภัย และ รายได้ก็เป็นที่พอใจของชาวบ้านอีกด้วยค่ะ และยังมีการวางแผนการตลาดให้กับสมาชิกในกลุ่มโดยการหาตลาดส่งออกต่างประเทศซึ่งก็ทำให้เกิดผลสำเร็จอย่างน่าชื่นชมค่ะ เกษตรกรท่านนั้นชื่อว่า คุณภารดี เพ็งเพียร อยู่ที่จังหวัดชัยนาท นี่เองค่ะ ขอชื่นชมในความสามารถและ มีจิตใจรักในการเกษตรอย่างแท้จริงค่ะ
การปลูกผัก นอกจากจะมีการปลูกผักแบบกางมุ้งแล้ว การดูแลรักษาดินก็มีความจำเป็นมากเช่นกันค่ะ วันนี้ผู้เขียนได้มีสูตรการบำรุงดิน และสูตรน้ำหมักไล่หนอนและเพลี้ยซึ่งเป็นศัตรูที่ทำร้ายพืชผัก แบบประหยัดและปลอดภัยมาฝากกัน
การปลูกผักแบบกางมุ้ง เพื่อความสมบูรณ์ของพืชผัก ( ภาพจากสวนผักของคุณภารดี เพ็งเพียร จ.ชัยนาท)
เริ่มแรกเมื่อเรามีการเตรียมดินปลูกผัก ใส่ผสมกับปุ๋ยคอกเช่นปุ๋ยจากมูลสัตว์เรียบร้อยแล้ว ก็สามารถนำต้นกล้าที่เพาะได้มีอายุประมาณ 20 วัน ก็นำผักมาลงปลูกได้เลย ที่สำคัญในการให้ผักแข็งแรงก็คือ การป้องกันแสงแดดที่จัดมากๆโดยการนำเศษฝางมาห่มปกคลุมดินให้กับผักเพื่อรักษาความชื้นให้กับผักที่ปลูกด้วย และก็ปกป้องแสงแดดจากภายนอก โดยการกางแสลน รอบๆมุ้งที่แดดส่องถึงไม่งั้นผักก็จะเฉาแดดได้น่ะค่ะ
เตรียมดินปลูกผสมกับปุ๋ยคอก เพื่อลงกล้าผัก
เมื่อนำต้นกล้าลงปลูก ควรนำเศษฟางมาห่มดินเพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ต้นผักด้วยค่ะ
การป้องกันภายนอกก็สำคัญ เพื่อไม่ให้โดดแดดจัดๆก็ควรมุงแสลนให้แก่ผักสวนครัว
การปลูกผักแบบกางมุ้ง ใช่ว่าจะแก้ปัญหาเกี่ยวกับ แมลงหรือหนอนที่เป็นศัตรูพืชได้อย่างร้อยเปอร์เซ็นต์น่ะค่ะ หนอนกับพืชเป็นของคู่กันอยู่แล้วค่ะ เพราะว่าหนอนเค้ากินพืชผักเป็นอาหารหลักอยู่แล้ว หนอนที่มารบกวนผักส่วนใหญ่ที่พบเห็นกันส่วนมากก็ได้แก่ หนอนหนังเหนียว และ ก็เพลียอ่อน ต่างๆ
ศัตรูพืชตัวร้ายของผักสวนครัว หนอนหนังเหนียว
เพลี้ยอ่อน ตัวเล็กๆขาวๆดำๆ
การกำจัดศัตรูพืช ส่วนใหญ่ถ้าใช้สารเคมีก็จะเป็นอันตรายเพราะสารเคมีมักตกค้างในผักต่างๆ และก็ค่าปุ๋ยหรือค่ายาฆ่าแมลงต่างๆ ก็ใช่ว่าจะราคาถูก และใช้ไปมากๆและนานๆเข้าไม่ใช่ว่าอันตรายจะเกิดแค่กับผักที่ปลูกหรือว่าเวลานำผักไปทานแค่นั้น อันตรายยังเกิดได้โดยตรงกับ เกษตรกรผู้ที่ใช้ด้วยน่ะค่ะ วันนี้ผู้เขียนก็มี สูตรบำรุงดิน และพืชผัก และก็สูตรการกำจัดศัตรูของพืชแบบปลอดภัย ทั้งตัวผู้ใช้ และก็ปลอดภัยกับพืชผักสวนครัว ปลอดภัยและประหยัดอีกด้วยค่ะ
สูตรการบำรุงดิน วัสดุที่ใช้อัตราส่วนทุกอย่างต้องเท่ากันถ้าเพิ่มหรือลดปริมาณก็ให้ได้ปริมาณเท่ากันค่ะ
- ฟักทองสุก 2 กก
- มะละกอสุก 2 กก
- กล้วยสุก 2 กก
- น้ำตาลทรายแดง 2 กก
ขั้นตอนและวิธีทำน้ำหมักบำรุงดิน มีดังนี้ค่ะ
- นำมะละกอ,ฟักทอง และกล้วย มาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆแล้วนำไปใส่ในถังที่จะใช้หมัก ถังที่ใช้ควรเป็นถังที่มีฝาปิดและต้องมีรูระบายแก๊สด้วยน่ะค่ะ จะได้ไม่ต้องมีการเปิดเพื่อระบายแก๊สบ่อยๆ ใส่ทุกอย่างลงไปในถังพร้อมทั้งน้ำตาลทรายแดงด้วย ใช้ไม้พายคนให้ส่วนผสมเข้ากัน จนมีกลิ่นหอมๆของผลไม้ขึ้นมา กวนจนผลไม้มีน้ำออกมา ก็เป็นอันใช้ได้ แล้วก็ทำการปิดฝา ทิ้งไว้ 15 วันก็สามารถนำมาใช้ได้
ใส่มะละกอสุก,กล้วยสุก,ฟักทองสุก และน้ำตาลทรายแดงลงในถังแล้วกวนให้จนมีน้ำผลไม้ออกมา
กวนจนให้มีหน้าตาแบบนี้ก็ทำการปิดฝา อีก 15 วันก็นำมาใช้ได้แล้วค่ะ
เมื่อครบ 15 วันก็ให้นำน้ำหมักมาใช้ได้ โดยใช้อัตราส่วนดังนี้ค่ะ
- น้ำหมักที่เอาเฉพาะน้ำน่ะค่ะ จำนวน 100 cc
- น้ำเปล่า 20 ลิตร
เทคนิคในการฉีดน้ำหมักบำรุงดินก็คือ เมื่อนำต้นกล้าผักลงดินแล้ว ให้ผสมน้ำหมักตามอัตราส่วนข้างต้น แล้วนำมาฉีดทุกๆ3วัน แล้วหลังจากนั้นอีก 1 สัปดาห์ให้ฉีด น้ำหมักสูตรไล่หนอนเพลี้ยและบำรุงใบอีกทีหนึ่งค่ะ ซึ่งผู้เขียนก็มีสูตรไล่หนอนเพลี้ย มาฝากด้วยน่ะค่ะ
สูตรไล่แมลงและบำรุงใบ มีอุปกรณ์ดังนี้ค่ะ
- ขวดโหลพลาสติกมีฝาปิด 1 ใบ
- สุราขาวขวดใหญ่ 1 ขวด
- พริกแกงเผ็ด 1 ก.ก.
- น้ำส้มสายชู 1 ขวด
- นมเปรี้ยว 1 ขวด
วิธีและขั้นตอนในการทำ น้ำหมักสูตรไล่แมลง (ส่วนผสมมีแต่กลิ่นและรสชาติแรงๆ แมลงไม่หนีก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วล่ะค่ะ)
- ใส่พริกแกงลงไปในขวดโหล เทน้ำส้มสายชูลงไปแล้วคนให้พริกแกงกับน้ำส้มสายชูละลายเข้าด้วยกัน แล้วก็ตามด้วยสุราขาว ลงไปคนให้เข้ากัน แล้วก็ปิดฝา นำไปเข้าตู้เย็นไว้ 24 ชั่วโมงหรือ 1 วัน ก็สามารถนำมาใช้ได้ นมเปรี้ยวอย่าพึ่งใส่น่ะค่ะ เราจะใส่ก็ต่อเมื่อนำมาใช้ในการฉีดพ่นผักค่ะ
วิธีการใช้น้ำหมักสูตรไล่แมลงหนอนหรือเพลี้ย มีอัตราส่วนและวิธีการใช้ดังนี้ค่ะ
- ใช้น้ำพริกแกง 10 cc ผสมกับน้ำเปล่า จำนวน 20 ลิตร แล้วก็ให้ใส่นมเปรี้ยวลงไปผสมอีก 1 ขวด ก็ให้นำไปฉีดหลังจาก ที่ได้ทำการฉีดสูตรบำรุงดิน ไปแล้วหนึ่งสัปดาห์ค่ะ สูตรนี้ศัตรูพืชอย่างหนอนหนังเหนียวและก็เพลี้ยอ่อนไม่มารบกวนพืชผักในสวนของเราอย่างแน่นอนค่ะ
ผักสวยงามปลอดภัยไร้สารพิษ (ภาพจากสวนผักของคุณภารดี เพ็งเพียร จ.ชัยนาท)
ข้อสำคัญในการใช้น้ำหมักทั้งสองสูตรนี้ ห้ามใช้พร้อมกันน่ะค่ะ เพราะอาจทำให้ผักเสียหายได้ค่ะ เมื่อเราดูแลรักษาและใส่ใจในการปลูกผักแบบปลอดภัยไร้สายพิษ ผลผลิตที่ได้ก็จะงอกงามสมบูรณ์และก็จะมีกำลังใจในการทำการเกษตรไปได้อย่างไม่เหนื่อยกายและเหนื่อยใจค่ะ ทุกวันนี้โรคภัยไข้เจ็บของคนเราก็มาจากการรับประทานอาหารต่างๆ เมื่อเราจะกินผักให้เป็นยา เราก็ต้องทำให้ผักของเราปลอดสารพิษก่อนที่จะมารับประทานจะได้ปลอดภัยและก็ได้ประโยชน์อย่างแท้จริง
* * * * *
ที่มา : baannoi.com
ทำเกษตรแล้วไม่มีที่ขาย ขายได้ที่
ตลาดกลาง "ซื้อ-ขาย สินค้าเกษตร"
ที่สมาชิกเยอะที่สุด
ตลาดกลาง "ซื้อ-ขาย สินค้าเกษตร"
ที่สมาชิกเยอะที่สุด
VV คลิก VV
กลุ่มเฟซบุ๊ก : ตลาดกลาง ซื้อ-ขายสินค้า เกษตร
แชร์...ตรงนี้ เพื่อเป็นประโยชน์ ให้เพื่อนที่ได้เห็น
VVVVVVVVV