สูตรปุ๋ยหมัก พระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
เกษตรกรชาวไทยถือว่าโชคดีและมีบุญมากน่ะครับ ที่นอกจากโครงการในพระราชดำริของพ่อหลวงของเรา ที่ทรงใส่ใจดูแลในทางด้านการเกษตรต่างๆ โชคดีของของคนไทยเหลือเกินที่ได้เกิดมาในแผ่นดินที่อยู่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ของพ่อหลวงของเรา และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯก็เช่นกันท่านไม่เคยทอดทิ้งประชาชนคนไทย ทรงมีโครงการในพระราชดำริพัฒนาให้ประชาชนทรงมีอาชีพเลี้ยงตัวเองและครอบครัว
ปุ๋ยหมัก สูตรพระราชทานนี้ เกิดขึ้นจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ได้ทรงมีพระราชานุญาติให้ดำเนินการเผยแพร่สูตรปุ๋ยหมักแก่ชาวเกษตรกร ซึ่งเป็นสูตรที่พระองค์ท่านทรงได้ศึกษาการทำปุ่ยหมัก พร้อมขั้นตอนและวิธีการทำซึ่งได้ทรงเขียนด้วยลายพระหัตถ์ของพระองค์เอง ท่านได้อธิบายการทำไว้อย่างละเอียดว่าทำไมต้องทำปุ๋ยหมัก ปุ๋ยหมักมีประโยชน์อย่างไร วัสดุที่จะใช้ในการทำปุ๋ยหมักจนถึงขั้นตอนการนำไปใช้ประโยชน์ของปุ๋ยหมัก ซึ่งจะทำให้ประหยัดกว่าการใช้ปุ๋ยเคมีได้มากน้อยเพียงไร พระองค์ทรงวาดเป็นรูปการ์ตูนให้ด้วยน่ะครับ จะได้เข้าใจกันง่ายๆ
ในสูตรปุ่ยหมักที่พระองค์ทรงเขียนไว้นี้ มีความตอนหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า "ปุ่ยหมัก ต้นไม้ต้องการความเจริญเติบโต พูดง่ายๆ เราต้องใส่ปุ่ย ไร่,นา,สวน ของเรา พืชผลถึงจะงามดี เดี๋ยวนี้ปุ๋ยที่ซื้อตามท้องตลาดแพงเหลือเกินนี่ เรามาทำปุ๋ยหมักใช้เองดีกว่า" ตัวผู้เขียนเองได้อ่านแล้วก็รู้สึกปลาบปลื้มใจเหลือเกินครับ ที่ท่านทรงสนพระทัยประชาชนทุกชนชั้นมาโดยตลอด
ปุ๋ยหมักสูตรพระราชทานนี้ทำกันได้เองตามบ้าน,ไร่นาหรือสวนของเราได้อย่างง่ายๆและประหยัดต้นทุนน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ปุ่ยเคมี เพราะฉนั้นแล้วการใช้ปุ๋ยหมักจะทำให้ลดการใช้ปุ๋ยเคมีได้อย่างน้อยถึงครึ่งหนึ่งเลยทีเดียวครับเป็นการลดต้นทุนในด้านค่าใช้จ่ายให้ชาวเกษตรกรได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ซึ่งกรมการเกษตรและสหกรณ์ได้ทำการมอบหมายให้กรมพัฒนาที่ดินเผยแพร่ปุ๋ยสูตรพระราชทานสู่พี่น้องชาวเกษตรกร ซึ่งตั้งแต่ปี 2557 กรมพัฒนาที่ได้ตั้งเป้าหมายในการเผยแพร่ปุ๋ยสูตรพระราชทานสู่พี่น้องชาวเกษตรกรอยู่ที่ 1000 ตัน และยังมีการสนับสนุนในด้านวัสดุต่างๆให้กับเกษตรกรอีกด้วย เพื่อเป็นการนำร่องให้กับพื้นที่ที่มีความจำเป็นและมีสักยภาพในการขยายผลก่อน เพื่อให้เป็นต้นแบบและให้เกษตรท่านอื่นได้นำไปใช้ต่อไปครับ
วัสดุอุปกรณ์มีดัง
1. ซากพืช ได้แก่ ใบไม้ ผักตบชวา หญ้าแห้ง ลำต้นถั่ว ลำต้นข้าวโพด ใบและต้นมันสำปะหลัง กระดูกปอ ตามที่มีสับเป็นท่อนๆสั้นๆให้เปื่อยเร็ว
2. ปุ๋ยคอก เช่น มูลสัตว์ ขี้วัว,ขี้ควาย,ขี้เป็ด,ขี้ไก่,ขี้ค้างคาว ชนิดใดก็ได้
3. ปัสสาวะคนหรือสัตว์
4. กากเมล็ดนุ่น,กากถั่ว,ซากต้นถั่วชนิดต่างๆ(พืชตระกูลถั่ว)
5. ดินร่วนพอสมควร ถ้าได้เป็นหน้าดินยิ่งดี
วิธีการกองปุ๋ย มี 2 แบบ
1. วิธีการกองในหลุม ขุดหลุมให้มีขนาดกว้าง ประมาณ 1 เมตร ยาว 1 เมตร และลึก 1เมตร ถ้ามีการระบายน้ำได้ยิ่งดี
2. วิธีการกองในคอก ให้ปรับดินบริเวณที่จะทำการกองปุ๋ยหมักให้แน่น ใช้ไม้ไผ่หรือไม้ชนิดอื่นที่สามารถทำได้ กั้นเป็นคอกความกว้างอยู่ที่ 2 เมตร ความยาว 4 เมตร และสูง 1 เมตร แบ่งคอกออกเป็น 2 ส่วน ครึ่งหนึ่งไว้ใส่ปุ๋ยหมัก อีกครึ่งหนึ่งไว้ใช้ในการกลับกองปุ๋ย ทำหลังคาใบจากหรือใบมะพร้าวคลุมหลังคา หรือถ้ามีถุงพลาสติกคลุมกันฝนซะปุ๋ยได้ก็ยิ่งดี
ขั้นตอนการทำปุ๋ยหมักสูตรพระราชทาน
- ให้เอาซากพืชที่เตรียมไว้กองเกลี่ยในคอกหรือในหลุม ให้เป็นชั้น เหยียบตามขอบให้แน่นประมาณคนเหยียบซ้ำแล้วไม่ยุบลงอีก ชั้นหนึ่งๆให้สูงราว 1 คืบ(30 เซนติเมตร)
- รดน้ำให้ชุ่มแล้วเอาปุ๋ยคอกโรยทับให้ทั่วกัน สูง 2 องคุลี(5 เซนติเมตร) ถ้ามีปุ๋ยเคมี (สูตร 16-20-0 หรือ 14-14-14 แอมโมเนียมซัลเฟต หรือยูเรีย) ก็โรยบางๆให้ทั่ว แล้วทับด้วยดินละเอียดหนาประมาณ 1 องคุลี สลับด้วยซากพืชแล้วรดน้ำเป็นชั้นๆอย่างนี้จนปุ๋ยเต็มคอก (น้ำที่นำมารดจะผสมด้วยปัสสาวะด้วยก็ได้)
ข้อควรระวังในการทำปุ๋ยหมักสูตรพระราชทาน
- อย่าให้มีน้ำขัง การรดน้ำมากไปจะทำให้ระบายอากาศไม่ดี
- ปุ๋ยกองใหญ่ไปจะทำให้เกิดความร้อนสูง ปุ๋ยจะเสียได้ ถ้าในกองปุ๋ยมีความร้อนสูงไปให้เติมน้ำลงไปบ้าง
- ปุ๋ยกองเล็กไป จะสลายตัวช้า
- อย่าใช้ปุ๋ยเคมีพร้อมกับใส่ปูนขาว จะทำให้ธาตไนโตรเจนสลายตัว
วิธีการกลับปุ๋ยหมักสูตรพระราชทาน
- ทุกๆ 30 วัน ควรกลับกองปุ๋ย โดยเอาชั้นบนสุดของกองนำไปเกลี่ยในอีกส่วนของคอกเป็นชั้นล่างสุด แล้วเอาชั้นสองเกลี่ยทับแล้วรดน้ำ ควรกลับกองปุ๋ย ทุกๆ30วัน หรือจนกว่าซากพืชจะเปื่อยผุหมดทั้งกองปุ๋ย ใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือน เมื่อปุ๋ยใช้ได้ ให้สังเกตุจากความร้อนในกองปุ๋ยจะใกล้เคียงกับความร้อนของอากาศ ปุ๋ยหมักจะเป็นสีน้ำตาลแก่ เอาตะแกรงร่อนปุ๋ยหมักเก็บไว้
ประโยชน์ที่ได้รับ
- ประหยัดการใช้ปุ๋ยเคมีได้ถึงครึ่งหนึ่ง และทำให้ดินร่วนซุย พืชผักอุดมสมบูรณ์ และเพิ่มธาตุไนโตรเจนไม่เป็นอันตรายต่อพืชสัตว์และคน รักษาความชุ่มชื้นของดิน
หมายเหตุ : ถ้าที่เป็นดินทรายใช้อิฐกรุในหลุม จะทำให้ได้ผลดีขึ้น
* * * * *
ทำเกษตรแล้วไม่มีที่ขาย ขายได้ที่
ตลาดกลาง "ซื้อ-ขาย สินค้าเกษตร"
ที่สมาชิกเยอะที่สุด
ตลาดกลาง "ซื้อ-ขาย สินค้าเกษตร"
ที่สมาชิกเยอะที่สุด
VV คลิก VV
กลุ่มเฟซบุ๊ก : ตลาดกลาง ซื้อ-ขายสินค้า เกษตร
แชร์...ตรงนี้ เพื่อเป็นประโยชน์ ให้เพื่อนที่ได้เห็น
VVVVVVVVV