ขนุนเงินล้าน ปลูก 600 ต้น ทำเงินทุกสัปดาห์
ปัจจุบันเราจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ขนุน ก็เป็นอีกหนึ่งไม้ผล ที่เข้ามานั่งอยู่ในใจผู้บริโภคไม่แพ้ไม้ผล อย่างอื่น ด้วยรสชาติที่หวาน อร่อย กลิ่นหอมเฉพาะตัว สีเหลืองอร่ามของยวงขนุนทำให้หลายคนอดใจไม่ไหวที่จะต้องลิ้มลองรสชาติความอร่อยกันเลยทีเดียว พื้นที่ที่มีการปลูกกันมากและเป็นพืชเศรษฐกิจหลักก็คือ จ.ระยอง จ.ปราจีนบุรี น่าแปลกที่ขนุนเป็นไม้ผลทำเงินให้กับผู้ปลูกอย่างน่าสนใจแต่เรื่องราวของขนุนกลับมีการนำเสนอผ่านสื่อน้อยมากเมื่อเทียบกับพืชชนิดอื่น ขนุนจึงถือเป็นที่ซุ่มทำเงินเงียบๆให้กับชาวสวนผู้ปลูกมาโดยตลอด วันนี้เราจะพาไปดูสวนขนุนที่ อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ ปลูกขนุนในสวนสับปะรดมาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว ส่งขายได้ทั้งในและต่างประเทศ สามารถทำเงินสร้างรายได้ที่ดีให้กับครอบครัวมาโดยตลอด
บรรยากาศของสวนขนุน แทบไม่น่าเชื่อเลยว่า พื้นที่ตรงนี้จะเคยเป็นสวนสับปะรดมาก่อน เพราะได้ถูกปรับเปลี่ยนเป็นสวนขนุนที่ดูร่มรื่น ในตอนนี้ขนุนติดลูกดกเต็มต้นทั้งลูกเล็กลูกใหญ่ จากการบอกเล่าของเจ้าของสวน ก็คือ คุณทรงยศ ตุ้มกระทึก (ลุงยศ) เล่าว่า ปลูกสับปะรดมาตั้งแต่เด็กสมัยรุ่นพ่อรุ่นแม่ คลุกคลีอยู่กับสับปะรดมาโดยตลอด แต่มาวันหนึ่งลุงยศรู้สึกเบื่อหน่ายสับปะรดเมื่อสับปะรดโรงงานราคาตกต่ำเหลือ 3 บาท ทำแล้วก็ขาดทุน ลุงยศจึงคิดว่าถ้าทำสับปะรดอย่างเดียวคงอยู่ลำบากแน่ จึงมองหาพืชอื่นมาแซม เช่น มะพร้าว และขนุนโดยเห็นว่า เมื่อใส่ปุ๋ย ฉีดยาสับปะรดขนุนก็ได้กินด้วยกัน เมื่อปลูกได้ประมาณ 2 ปี ก็จะโล๊ะสับปะรดออกแล้วก็ขนุนไว้ ลุงยศ เล่าต่อว่า ที่นี่จะปลูกขนุนทั้งหมดประมาณ 4 พันธุ์ ทองประเสริฐ เพชรราชา เพชรดำรง และทองมาเลย์ ขนุนพันธุ์อื่นๆปลูกไว้แซมๆไม่กี่ต้น มีทั้งต้นเก่าต้นใหม่ที่ยังไม่ให้ผลผลิต แต่ที่เน้นๆจะเป็นพันธุ์ทองมาเลย์ที่ตัดขายกันอยู่ในตอนนี้
ย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนที่จะนำขนุนมาปลูกในพื้นที่แห่งนี้ มีชาวหาดใหญ่ไปเที่ยวที่ประเทศมาเลเซีย ได้ไปเจอเขาขายขนุนลูกหนึ่งหนัก 80 กก.เห็นแล้วก็อึ่ง ได้ขอซื้อเขามา 5 เมล็ด หรือ 5 ยวง เป็นเงิน 20 บาท แล้วนำมาขยายพันธุ์เรื่อยมา ต่อมามีชาวนนทบุรีไปเที่ยวที่หาดใหญ่เห็นขนุนลูกหนึ่งหนัก 50 กก.ก็ได้ขอซื้อมา 5 เมล็ดหรือ 5 ยวงเป็นเงิน 20 บาท แล้วก็มาขยายพันธุ์ต่ออีก ปรากฏว่าน้ำท่วมตายเหลือเพียง 2 ต้นให้น้ำหนักลูกละ 30 กก.ทางเกษตรอำเภอไปขอเช่าต้นปีละ 6,000 บาท เพื่อที่จะขยายพันธุ์ ทำกิ่งพันธุ์ขายกิ่งละ 500 บาท ผู้ที่ซิ้อมาต่อก็นำไปขยายพันธุ์ขายกิ่งละ 50 บาท นำไปเสียบยอดต่อกิ่งขายกิ่งละ 15 บาท “ผมได้ติดต่อขอซื้อเขามาจากหมู่บ้านหนองแกเป็นจำนวน 2,000 กิ่ง ทยอยปลูกไปประมาณ 1,800 กิ่ง โดยปลูกในสวนสับปะรดก่อน เมื่อขนุนอายุได้ 1.4 ปีก็ติดลูก จากนั้นอายุได้ 1.7 ปี ก็สามารถตัดลูกขายได้
ในพื้นที่ 1 ไร่ ปลูกขนุนได้ 36 ต้นระยะห่าง 6×6 เมตร เนื่องจากว่า ขนุนของทางสวนปลูกแซมในไร่สับปะรดมาก่อน เมื่อใส่ปุ๋ยสับปะรดอย่างไรขนุนก็ได้กินปุ๋ยอย่างนั้นไปด้วยเช่นกัน โดยช่วงแรกจะใส่ปุ๋ยสูตรเสมอ 16-16-16 ขนุนอายุได้ 1.4 เดือนจะใส่ปุ๋ยเกร็ด 13-0-46 เพื่อเร่งตาดอก ฉีดพ่น 20-30 วันครั้ง เมื่อขนุนติดผลแล้วให้แต่งลูกด้วยการเด็ดลูกที่ไม่แข็งแรงไม่สมบูรณ์ทิ้ง ให้เหลือไว้แต่ลูกที่สมบูรณ์ช่อละ 1 ลูก เมื่อแต่งผลแล้วรอไปอีก 90 วันจึงจะเก็บได้ ลุงยศเล่าว่า เมื่อก่อนจะมีการห่อผลด้วยถุงปูนเพื่อให้ลูกมีผิวขาวสวย และป้องกันหนอนผีเสื้อ หนอนหนังเหนียว ซึ่งแมลงศัตรูเหล่านี้จะมาเจาะลูก จริงๆแล้วผลเนื้อในไม่เสียแต่ผิวไม่สวย ซึ่งปัจจุบันไม่ได้ห่อผลเหมือนที่ผ่านมา เพราะไม่เกิดปัญหาเหล่านี้แล้ว อาจจะมีบ้างก็คงจะเป็นแมลงวันทองใช้ปากต่อยลงไปบริเวณแล้วฝังไข่ลงไป ทางสวนจะใช้สารล่อแมลง โดยล่อแมลงตัวผู้ให้เข้าไปในขวดที่ผสมน้ำยาไว้ เมื่อแมลงตัวเมียมาแล้วไม่ได้ผสมพันธุ์ก็ทำให้ฝ่อ ส่วนเรื่องเชื้อราก็มีบ้าง หากเชื้อราระบาดช่วงไหนของต้นก็ให้ตัดตรงนั้นทิ้ง ไม่นานก็จะแตกกิ่งออกมาใหม่ ลุงยศ บอกว่า ที่นี่จะสังเกตเห็นว่าใบขนุนจะเขียวเข้มเป็นมัน ต้นเจริญเติบโตดี ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องของโรคแมลง จึงไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีฉีดพ่น การให้น้ำอาทิตย์ละครั้ง
เมื่อขนุนอายุได้ 1.7 ปีก็จะสามารถเก็บผลผลิตได้ ขนุนที่สวน 1 ลูกจะให้น้ำหนักประมาณ 15-20 กก.ปริมาณผลผลิตอายุต้น 1-2 ปีจะให้ผลผลิตประมาณ 100 กก.อายุ 3 ปีขึ้นไปจะได้ปริมาณ200-500 กก.ต่อต้นขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาของเจ้าของสวน ปัจจุบันทางสวนขนุนมีอายุได้ 11 ปีแล้ว ที่นี่จะเก็บขนุนอาทิตย์ละครั้งๆละประมาณ 13-14 ตันในพื้นที่มีขนุน 600 ต้นหรือประมาณ 30 ไร่ ขนุนที่เก็บแล้วนำมาขายส่งแม่ค้าที่ตลาดสี่มุมเมืองจะได้ราคา 10-12 บาท และส่งตลาดต่างประเทศไปทางประเทศจีน เวียดนาม สิงคโปร์ ราคาลูกละ 300 บาท สร้างรายได้อาทิตย์ละ 1.4 แสนบาท
ลุงยศเล่าว่า เมื่อครั้งที่ปลูกขนุนช่วงแรกๆ ที่ตัดขายได้ราคา 15 บาทต่อ กก. หนึ่งปีขายได้เงิน 1.5 แสนบาท ต่อมาขนุนราคาลดลงเหลือเพียง 8 บาทต่อ กก. แม้จะราคาลดลงแต่ขนุนติดดก เก็บผลขายได้เยอะ ก็ยังได้เงินแสนกว่าบาท เพราะต้นใหญ่ผลผลิตเริ่มเยอะขึ้นแม้จะราคาลดลงก็ตาม ย่างเข้าปีที่ 4 ราคาตกฮวบเหลือเพียงแค่ 3 บาทต่อกก. ตัดขายแล้วก็ยัง 8 หมื่นกว่าบาทในปีนั้น หลังจากขนุนราคาลดลงติดต่อกันทุกปีจากเดิมที่ชาวสวนเขตนี้ปลูกขนุนกันเยอะก็ทำให้เกษตรกรที่ปลูกขนุนบริเวณนี้เลิกปลูกกันไปหลายราย แต่ลุงยศไม่ท้อ เพราะในแต่ละปีขนุนก็ยังทำเงินได้ดีและอยู่ในระดับที่พอใจ จึงยังยืนหยัดปลูกขนุนเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ปัจจุบันให้หลานชาย 2 คนเข้ามาช่วยบริหารจัดการในสวน ขนุนสามารถตัดขายได้ตลอดทั้งปี ซึ่งรุ่นหนึ่งจะใช้เวลาประมาณ 4 เดือนในแต่ละปีจะสามารถตัดขนุนขายสร้างรายได้ประมาณ 8-9 แสนบาท แต่ปีนี้คาดว่าจะได้รายได้จากการขายขนุนประมาณ 1.5 ล้านบาท
ลุงยศกล่าวทิ้งท้ายว่า ขนุนเป็นพืชที่ปลูกง่าย ดูแลง่าย สร้างรายได้ที่ค่อนข้างแน่นอนกว่าพืชอื่น ไม่ต้องห่วงเรื่องตลาดมีตลาดทั้งในและต่างประเทศที่พร้อมรับซื้อ เพียงผลิตสินค้าให้มีคุณภาพทั้งเรื่องขนาดและรสชาติสีกลิ่นให้ได้ตามความต้องการของลูกค้า เท่านี้ก็สามารถสร้างรายได้ที่ดีให้กับเกษตรกรได้ไม่ยาก ขนุนก็เป็นพืชเงินล้านได้เหมือนกับผลไม้อื่นๆได้เช่นกัน
ข้อมูลเพิ่มเติม คุณทรงยศ ตุ้มกระทึก 32 ม.6 ต.ไร่เก่า อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ โทร.087-011-6549,089-918-5475
* * * * *
ที่มา : ไทยอินโฟเน็ต
ปลูกขนุนแล้วไม่มีที่ขาย ขายได้ที่
ตลาดกลาง "ซื้อ-ขาย สินค้าเกษตร"
ที่สมาชิกเยอะที่สุด
ตลาดกลาง "ซื้อ-ขาย สินค้าเกษตร"
ที่สมาชิกเยอะที่สุด
VV คลิก VV
กลุ่มเฟซบุ๊ก : ตลาดกลาง ซื้อ-ขายสินค้า เกษตร
แชร์...ตรงนี้ เพื่อเป็นประโยชน์ ให้เพื่อนที่ได้เห็น
VVVVVVVVV