โรคของพริก และการป้องกัน - โรคเหี่ยว
โรคของพริก และการป้องกัน - โรคเหี่ยวที่เกิดจากเชื้อรา Fusarium (Fusarium wilt)
พริกเป็นพืชผักในกลุ่ม Solanacious เซ่นเดียวกับมะเขือเทศแต่อยู่ใน Genus Capsicumในประเทศไทยที่นิยมปลูกมีอยู่ด้วยกันหลายชนิดทั้งเผ็ดและไม่เผ็ดเช่น พริกขี้หนู (bird chilli) พริกมันหรือพริกชี้ฟ้า (hot pepper) พริกหยวก (banana pepper) และพริกยักษ์ หรือพริกหวาน (bell pepper) แม้ว่าพริกจะเป็นพืชผักที่ใช้ประกอบอาหารประเภทปรุงแต่งรส แต่ก็เป็นพืชสำคัญทางเศรษฐกิจจัดอยู่ในกลุ่มของพืชอาหารหลักชนิดหนึ่งของชาวไทยสามารถปลูกและเจริญเติบโตได้ดีในทุกภาคของประเทศและตลอดปี ขณะเดียวกันก็ปรากฎว่ามีโรคและศัตรูหลายชนิดขึ้นเกาะกินทำลายทำให้เกิดความเสียหายทั้งคุณภาพและปริมาณเป็นจำนวนมากในแต่ละปีเช่นกัน
โรคเหี่ยวที่เกิดจากเชื้อรา Fusarium (Fusarium wilt)
โรคเหี่ยวของพริกที่เกิดจาก Fusarium sp. ได้มีผู้รายงานการพบครั้งแรกในรัฐนิวเม็กซิโกประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี ค.ศ. 1960 หลังจากนั้นก็มีรายงานการระบาดและความเสียหายจากโรคนี้ในเกือบทุกแห่งที่มีการปลูกพริก
ลักษณะอาการ
การทำลายที่แท้จริงเกิดขึ้นที่รากหรือส่วนของต้นที่อยู่ระดับดินหรือใต้ดินซึ่งในระยะแรกจะมองไม่เห็นจนเมื่อรากส่วนใหญ่ถูกทำลายจนเน่าเสียแล้วพืชจึงจะแสดงอาการให้เห็นภายนอก คือใบเหลืองเหี่ยวลู่ลงและร่วงหลุดจากต้นในที่สุดอาการที่เกิดขึ้นนี้เมื่อเริ่มแสดงให้เห็นแล้วจะเป็นไปอย่างรวดเร็ว ในกิ่งหรือแขนงที่ยังอ่อนจะเปลี่ยนเป็นสีนํ้าตาลแล้วแห้งตายระยะนี้เมื่อถอนต้นขึ้นมาจากดินจะพบว่าส่วนของโคนต้นและรากถูกทำลายเปลือกหลุดร่อนเน่าเป็นสีนํ้าตาลเข้ม รากส่วนใหญ่จะขาดหลุดติดอยู่ในดิน หากดินมีความชื้นสูงจะพบเส้นใยและสปอร์ของราเป็นสีขาวหรือสีส้มอ่อนๆ เกาะติดเป็นกลุ่มอยู่ที่บริเวณแผล การเกิดโรคหากเป็นในระยะกล้าอาการจะคล้ายโรค damping-off คือกล้าจะล้มพับแห้งตายเป็นหย่อมๆ เมื่อโตขึ้นมาในระยะที่เป็นต้นอ่อน หากเป็นรุนแรง อาจถึงตายได้เช่นกันหรือไม่ก็แคระแกร็นไม่ให้ดอกออกผล ถ้าเป็นในระยะที่ต้นแก่ติดผลแล้ว ผลพริกที่ได้จะขาดความสมบูรณ์มีขนาดลีบเล็ก หดย่น และร่วงหลุดจากต้น
เชื้อสาเหตุ
Fusarium oxysporum var. vasinfectum (Atkinson) Snyder & Hansen เป็นเชื้อ Fusarium ในกลุ่ม xysporum อีกชนิดหนึ่งที่ระบาดแพร่หลายที่ทำความเสียหายให้กับพืชอย่างกว้างขวางมากมายหลายชนิดที่พบทำลายพริกนี้ เป็น variety หนึ่งเฉพาะคือ vasinfectum พวกนี้พบว่ามีการขยายพันธุ์โดยการสร้างสปอร์ถึง 3 ชนิด คือ ไมโครสปอร์ microspore) เป็นสปอร์ที่มีขนาดค่อนข้างเล็กและมีเซลล์เดียว มาโครสปอร์ (macrospore) เป็นสปอร์ที่มีขนาดโตกว่า รูปโค้ง เหมือนเคียวหรือพระจันทร์เสี้ยวมีผนังกั้นแบ่งออกเป็นเซลล์ย่อยๆ 2-6 เซลล์ ส่วนใหญ่ที่พบจะมี 4 เซลล์ ซึ่งแบ่งโดยผนัง septate 3 อัน ชนิดสุดท้ายได้แก่ chlamy- dospore เป็นสปอร์ที่เกิดอยู่ภายในเส้นใยมีผนังค่อนข้างหนา
F. oxgsporum var. vasinfectum เป็นราที่ค่อนข้างไวต่อการเปลี่ยนแปลงระดับอุณหภูมิ และความชื้นมาก อุณหภูมิเหมาะที่สุดต่อการเจริญจะอยู่ในช่วงระหว่าง 24 – 28°ซ ถ้าลดต่ำกว่า 17°ซ หรือสูงเกินกว่า 38°ซ แล้วการเจริญจะเป็นไปอย่างช้าๆ หรือไม่มีการเจริญเติบโตเลย สำหรับในเรื่องของความชื้นผิดกับ Fusarium sp. ทั่วๆ ไป คือค่อนข้างชอบดินที่มีความชื้นสูง พริกที่ปลูกในดินแห้งหรือที่ดอนมักจะไม่ถูกเชื้อนี้ทำลาย แต่จะเป็นรุนแรงในดินลุ่มที่มีการระบายนํ้าเลว
การอยู่ข้ามฤดูและการแพร่ระบาด
โรคนี้หลังจากที่เกิดขึ้นครั้งหนึ่งแล้วเชื้อก็จะอาศัยอยู่ในดินปลูกตลอดไปได้โดยไม่มีกำหนดจากการอาศัยเกาะกินเศษซากพืชและอินทรีย์วัตถุอื่นๆ ที่มีอยู่ในดินนั้น หากปลูกพืชซํ้าลงไปก็จะเกิดโรคขึ้นติดต่อกันไปได้เรื่อยๆ การระบาดส่วนใหญ่เชื้อจะติดไปกับดิน นํ้า จอบ เสียม ไถ คราด ล้อรถยนต์หรือแทรคเตอร์ หรือติดไปกับชิ้นส่วนของพืช เช่น หัว หน่อ เหง้า และต้นกล้าเมื่อเข้าทำลายพืชซึ่งส่วนใหญ่จะผ่านทางรากหรือแผลที่โคนต้น หลังจากนั้นเมื่อสิ่งแวดล้อมเหมาะสม พืชจะแสดงอาการเหี่ยวทั้งต้นและตายภายใน 2 สัปดาห์ แต่อาจจะนานออกไปถึง 2-3 เดือนหากสิ่งแวดล้อมไม่เหมาะสมต่อเชื้อพืชอาจจะเหี่ยวเฉพาะในตอนกลางวันหรือไม่ก็แคระแกร็นไม่ถึงกับตายทั้งต้น
การป้องกันกำจัด
1. หลีกเลี่ยงการปลูกพริกลงในดินที่เคยมีโรคมาก่อนโดยเฉพาะกล้าควรเพาะในดินที่แน่ใจว่าสะอาดปราศจากเชื้อ หรือไม่ก็ผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว
2. ควรปลูกพริกบนดินที่ยกเป็นร่องสูงมีการระบายนํ้าดี ดินเหนียวจัดที่อุ้มน้ำในที่ลุ่มเมื่อเกิดโรคมักจะรุนแรง และเสียหายมากกว่าในดินแห้งหรือดินทราย
3. เลือกปลูกพริกโดยใช้พันธุ์ที่มีความต้านทานต่อโรค
* * * * * *
โดย : Kaset NaNa เกษตรนานา
ลิ้งค์ที่น่าสนใจ