Header Ads

Breaking News
recent

การปลูกพริกไทย การทำพริกไทยดำ-พริกไทยขาว


          พริกไทยเป็นพืชเศรษฐกิจ เป็นเครื่องเทศที่ให้ความเผ็ดร้อน สามารถนำมาปรุงอาหารได้ทั้ง พริกไทยสด พริกไทยดำ และพริกไทยขาว ซึ่งพริกไทยขาวนั้นจะมีราคาจำหน่ายที่สูงกว่าพริกไทยชนิดอื่นๆ เนื่องจากมีขั้นตอนในการผลิตและค่าใช้จ่ายสูงกว่าการผลิตพริกไทยดำและประชาชนทั้งไทยและทั่วโลกนิยมบริโภคพริกไทยขาวมากกว่าจึงทำให้เป็นที่ต้องการของตลาดและสามารถทำรายได้เป็นอย่างดีให้กับเกษตรกรผู้ปลูกพริกไทยเป็นอย่างมาก


ลักษณะทั่วไปของพริกไทย

          พริกไทยเป็นไม้เถาเลื้อยยืนต้น ลำต้นเป็นปล้อง มีรากฝอยตามข้อใช้ในการยึดเกาะ ใบเดี่ยว รูปรี ออกเรียงสลับตามข้อ และกิ่งปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ คล้ายใบพลู ดอกสีขาว ออกเป็นช่อตามข้อ ช่อดอกแต่ละช่อมีดอกฝอยประมาณ 70-85 ดอก ผลออกเป็นช่อทรงกระบอกกลมยาว ช่อผลเป็นสีเขียว เมื่อแก่เป็นสีเหลืองและแดงภายในมีเมล็ดกลม


การขยายพันธุ์พริกไทย

          พริกไทย สามารถขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ดและตัดเถาชำ ชอบดินร่วนซุยที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีการระบายน้ำดี อากาศแบบร้อนชื้น ควรเพาะเมล็ดในฤดูฝน เพื่อให้ต้นกล้าเจริญเติบโตได้ดี การชำเถาให้เลือกเถาที่มีรากตามข้อปล้อง อายุประมาณ 1 ปี ลิดใบออกบางส่วน ตัดเป็นท่อน ๆ ชำ เมื่อแตกยอดอ่อนจึงย้ายไปปลูกในถุงพลาสติก ซึ่งควรอยู่ในที่ร่ม ประมาณ 1- 2 เดือน จึงทำการย้ายปลูก


การปลูกพริกไทย 

          การปลูกพริกไทย ใช้ระยะเสาหน้า 4x4 นิ้ว ปลูก 2.5X2.5 เมตร , 1 ไร่สามารถปลูกได้ประมาณ 250 หลัก,ใช้กิ่งพันธุ์ปลูกหลักละ 3-4 ต้น ,ดังนั้น 1 ไร่ใช้กิ่งพันธุ์ประมาณ 750-1000 ต้น , เสาค้าง ใช้เสาหน้า 4 สูง 3 เมตรฝังลงไปในดิน 50 เซนติเมตร เหลือพ้นดินขึ้นมา 2.50 เมตร


          1.การปลูกขุดหลุมปลูกห่างจากหลักประมาณ 1 คืบ หลุมไม่ต้องลึกมาก(ถ้าปลูกลึกเกินไปอาจทำให้รากขาดออกซิเจนต้นเหี่ยวตายได้)ให้ตุ้มดินส่วนบนอยู่ระดับเดียวกับดินในแปลงอาจจะเอียงตุ้มดินของต้นพันธุ์ลงหลุมปลูกในแนว 45 องศาเขาหาหลักก็ได้ หรือจะปลูกลงไปตรง ๆ ก็ได้ใช้ได้เหมือนกัน  

          2. ก่อนปลูกรองก้นหลุมด้วยปุ๋ย 15-15-15 ประมาณหยิบมือ (ใช้ส่วนปลายนิ้วมือทั้ง 5 นิ้วหยิบหยอดลงหลุม) 1 เสาหลักใช้ต้นพันธุ์ปลูกรอบ ๆ หลัก 3-4 ต้นหรือต้องขุดหลุม 3-4 หลุมต่อ 1 หลักนั่นเอง แล้วเอาดินตรงปากหลุมโรยทับลงไปบนปุ๋ยสักนิดหน่อย ป้องกันไม่ให้รากพริกไทยสัมผัสโดยตรงกับปุ๋ยซึ่งอาจทำให้รากเกิดความเสียหายและรากเน่าได้ เพราะปุ๋ยเคมีมันเค็ม  


          3. จากนั้นก็กลบดิน ไม่ต้องกดดินจนแน่นเกินไปเอาแต่พอดี แล้วรดน้ำ หาฟางคลุมโคนต้นบริเวณรอบ ๆ หลักรักษาความชื้นรวมถึงการพรางแสงให้ต้นพันธุ์แรกปลูกด้วย เมื่อ 1-2 เดือนยอดพริกไทยก็จะเริ่มเลื้อยต้องหมั่นคอยมัดยอดข้อเว้นข้อขึ้นหลักไปเรื่อย ๆ  


          4. หากพริกไทยอายุได้ 1 เดือนเราก็ค่อยให้ขี้วัวเก่าค้างปี รอบ ๆ ต้นห่างจากโคนต้นประมาณ 1 คืบอย่าให้ชิดลำต้น เดี๋ยวรากเน่า  


          5. และให้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 เดือนละครั้งปริมาณการให้ก็ ตามการเจริญเติบโตของต้น สำหรับขี้วัวเก่าค้างปีนั้นเราจะให้ 3-4เดือน/ครั้ง สามารถให้เปลือกถั่ว น้ำหมักปลาผสมเจือจาง 1/200 ลิตร เสริมเพื่อปรับปรุงดินได้  


          6.การรดน้ำรดแต่พอชื้น อย่าให้แฉะเกินไปเดี๋ยวรากเน่า ดูความชื้นหน้าดินเป็นหลัก  


          7.หน้าแล้งควรมีฟางคลุมโคนให้รอบ ๆ หลัก ความชื้นบนผิวหน้าดินจะสม่ำเสมอพริกไทยจะโตเร็วมาก เพราะระบบรากพริกไทยจะหากินบนผิวหน้าดิน รากพริกไทยจะหยั่งลึกลงไปในดินเพียง 50-60 เซนติเมตรเท่านั้นแต่จะกระจายออกข้างได้ถึง 3-4 เมตร ดังนั้นการให้น้ำแบบสปริงเกอร์ จะเหมาะสมที่สุดเพราะปลายรากจะได้รับความชื้นอย่างสม่ำเสมอ หากเราไม่ดูแลคลุมโคนให้พริกไทยในช่วงหน้าแล้งจะทำให้พริกไทยขาดธาตุอาหารยอดเหลืองแคระแกรน ใบอ่อนบิดเบี้ยวผิดรูป โรคและแมลงก็จะมารบกวน เช่นราน้ำค้างจะพบในช่วงปลายฝนต้นหนาว การป้องกันราน้ำค้างเราควรเปิดสปริงเกอร์ในตอนเช้าก่อนตะวันขึ้นเพื่อล้างใบให้สะอาดถือเป็นการรดน้ำไปในตัว และถ้าใบสะอาดเพลี้ยแป้ง ราดำก็จะไม่มารบกวน  


          8. การเตรียมแปลงปลูกต้องมีการระบายน้ำที่ดี ห้ามให้น้ำท่วมขังโคนต้นได้ เพราะพริกไทยอ่อนแอต่อโรครากเน่ามาก ๆ พริกไทยมีอายุ 15-20 ปี ดังนั้นต้องหมั่นใจว่าตลอดช่วงของการปลูกจะไม่มีน้ำมาท่วมขังได้อย่างเด็ดขาด หากพริกไทยมีอาการเป็นโรครากเน่าโคนเน่า เช่น ปลายยอดดำเหี่ยว โคนต้นที่ติดกับดินมีสีดำ ใบเหลืองทั้งต้นและเหี่ยวเฉา ข้อกิ่งเหลืองเหี่ยวแห้งหลุดร่วงเปราะหักง่ายเพื่อไม่ให้ลุกลามไปหาต้นอื่น ให้ใช้ยาเมทาแลคซิลผสมน้ำราดโคน หรือฉีดพ่นทุก 7 วัน หากเป็นมาก ฉีดพ่นในระยะห่างทุก1-4-7 วัน


การเก็บเกี่ยวพริกไทย

          อายุในการให้ผลผลิตของต้นพริกไทยจะอยู่ในปีที่ 3 จึงเริ่มให้ดอกและติดผล และจะสามารถเก็บเกี่ยวผลได้ในอีก 6-7 เดือนถัดมา  การเก็บเมล็ดนั้นต้องดูวัตถุประสงค์ว่าต้องการเก็บพริกไทยอ่อน หรือเก็บเพื่อใช้เป็นพริกไทยขาวหรือที่เรียกอีกชื่อว่า "พริกไทยล่อน" หรือต้องการเก็บเป็นพริกไทยดำเพราะทั้งสองแบบมีวิธีการเก็บที่แตกต่างกัน

          ในการเก็บพริกไทยขาวหรือพริกไทยล่อน ให้สังเกตจากรวงหรือช่อของพริกไทยที่มีเมล็ดสีเหลือ หรือสีแดง ช่อละ 3-4 เมล็ด การเก็บให้เก็บทั้งช่อ โดยทยอยเก็บเป็นระยะ แต่ในฤดูเก็บเกี่ยวหนึ่ง ๆ ไม่ควรเก็บเกินกว่า 4 ครั้ง เพราะจะทำให้ต้นโทรมได้จากนั้นนำไปตากแดดแล้วนำไปนวดเพื่อแยกเมล็ดออกมา แล้วนำเมล็ดไปใส่ไว้ในกระสอบมัดปากให้แน่น นำไปแช่น้ำนาน 7-14 วัน แล้วนำไปตากแดดทันทีหากไม่มีแดดให้แช่น้ำไว้ก่อนป้องกันการขึ้นรา การตากแดดให้ตากบนลานหรือเสื่อลำแพนโดยเกลี่ยให้กระจายสม่ำเสมอ ตากแดด 4-5 วัน การทดสอบว่าเมล็ดแห้งสนิทแล้วหรือยังทำได้โดยใช้มือกอบเมล็ดขึ้นมาค่อย ๆ ถ่างนิ้วให้เมล็ดลอดลงระหว่างนิ้วหากมีการฝืดลอดลงนิ้วยากแสดงว่ายังไม่แห้งสนิท หรือจะใช้วิธีฟันขบดูหากแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแสดงว่าแห้งดีแล้ว แต่ถ้าแตกออกเป็นสองซีกแสดงว่ายังแห้งไม่ดี ให้ตากแดดต่อไปอีก


          ในกรณีเก็บเมล็ดเพื่อใช้ทำพริกไทยดำ ให้เก้บเมล็ดแก่จัดที่ยังมีสีเขียวอยู่ โดยให้ใช้เล็บจิกลงที่เมล็ด หากจิกไม่ลงแสดงว่าเมล็ดแก่ดีแล้ว การเก็บให้เก็บทั้งรวงเช่นเดียวกันเก้บมาแล้วนำไปตากแดดบนลานหรือเสื่อแล้วใช้ผ้าใบหรือสังกะสีคลุมทับไว้ 3-4 วัน เพื่อให้ก้านเหี่ยว ง่ายต่อการนำไปนวดแยกเมล็ดออกแล้วนำไปร่อนในตะแกรงที่มีรูให้เมล็ด ลอดออกมาได้จนเหลือแต่เมล็ดพริกไทยล้วน ๆ จากนั้นนำไปตากแดดให้สม่ำเสมอ 5-6 วัน เมล็ดที่แห้งสนิทดีแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีดำ

*** การปลูกพริกไทย และการดูแล อย่างละเอียด ***


การทำพริกไทยดำ

          พริกไทยดำ ( Black peper ) ได้จากการเก็บผลพริกไทยที่เป็นผลแก่เต็มที่แต่ยังไม่สุก เมื่อเก็บแล้วนำไปตากบนลาน ใช้สังกะสีหนือผ้าใบคลุมให้ผลหลุดจากขั้วจากนั้นทำอย่างไรก็ได้ให้เหลือแต่ผล(ปกติคงใช้เท้าเหยียบ ร่อน และเหยียบ ซ้ำอีก) แล้วนำมาผึ่งแดดให้แห้งประมาณ 4 – 5 วัน ผิวก็จะเหี่ยวย่นเป็นสีดำ

          ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ของ พริกไทยดำจะมีน้ำมันหอมระเหยมากประมาณร้อยละ 2-4 และมีสารแอลคาลอยด์เป็นสารสำคัญ เช่น Piperine ซึ่งเป็นตัวทำให้มีรสเผ็ด นอกจากนี้ยังมี Piperidine, Piperitine, Peperyline, Piperolein A และ B


การทำพริกไทยขาว

          พริกไทยขาว ( White pepper ) นั้นได้จากการเก็บผลพริกไทยที่แก่จัด และผลเริ่มสุกเป็นสีแดง และกลายเป็นสีดำ จากนั้นนำไปแช่น้ำ เพื่อลอกเอาเปลือกชั้นนอกออกไป เหลือแต่เมล็ดข้างในโดยจะแช่ในน้ำไหล หรือน้ำนิ่งก็ได้ แต่พริกไทยที่แช่น้ำไหล จะมีสีขาวกว่าพริกไทย ที่แช่ในน้ำนิ่ง โดยจะใช้เวลาในการแช่ประมาณ 15 วัน หลังจากนั้น นำพริกไทยที่แช่น้ำมานวด เพื่อลอกเปลือกออก ล้างด้วยน้ำสะอาด แล้วนำไปตากแดดทันที โดยใช้เวลาในการตากแดดประมาณ 4-5 วัน ก็จะแห้งสนิทการทดสอบความแห้งทำโดยใช้ฟันขบเมล็ดพริกไทย ถ้าแตกออกเป็นชิ้นเล็ก ชิ้นน้อย แสดงว่าแห้งสนิทดี  แต่ถ้าแตกออกเป็นสองซีก แสดงว่ายังไม่แห้งสนิท หรือทดสอบโดยใช้มือกอบเมล็ดพริกไทย แล้วค่อยๆกางนิ้วออก ให้เมล็ดพริกไทยลอดระหว่างนิ้วถ้าเมล็ดลอดออกได้ง่าย ไม่ฝืด และเมล็ดไม่เกาะติดกัน แสดงว่าเมล็ดแห้งสนิท

          ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ของพริกไทยขาว ( พริกไทยล่อน ) จะมีน้ำมันหอมระเหยต่ำกว่าพริกไทยดำ ดังนั้นตัวที่ทำให้ช่วยขับลมก็คือ พวกน้ำมันหอมระเหยนั่นเองพริกไทยขาว จะมีราคาแพงกว่า พริกไทยดำ เนื่องจากมีขั้นตอนในการผลิต และค่าใช้จ่ายสูงกว่าการผลิตพริกไทยดำ และประชาชนยังนิยมบริโภคพริกไทยขาว มากกว่าพริกไทยดำ แต่ในแง่สรรพคุณ ทางยาสมุนไพรนั้น พริกไทยดำจะมีตัวยามากกว่า พริกไทยขาว

* * * * *
ภาพ : pepperthai
ทำเกษตรแล้วไม่มีที่ขาย ขายได้ที่
ตลาดกลาง "ซื้อ-ขาย สินค้าเกษตร"
ที่สมาชิกเยอะที่สุด
VV คลิก VV

แชร์...ตรงนี้ เพื่อเป็นประโยชน์ให้เพื่อนที่ได้เห็น
VVVVVVVVV
Powered by Blogger.