Header Ads

Breaking News
recent

เผือกหอม พืชเศรษฐกิจ ปลูกง่าย รายได้ดี


เผือกหอม พืชเศรษฐกิจ ปลูกง่าย รายได้ดี

          เผือก เป็นพืชเศรษฐกิจพืชหนึ่งของประเทศ ปัจจุบันประเทศไทยส่งเผือกเป็นสินค้าออก ประเทศที่รับซื้อเผือกจากประเทศไทย ได้แก่ ฮ่องกง ญี่ปุ่น เผือกจึงมีความสำคัญเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ประเทศไทยในปัจจุบันมีการปลูกเผือกในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ มีการปลูกเผือกมากที่สุดในจังหวัดในภาคกลาง ซึ่งมีเนื้อที่ปลูกมากกว่าครึ่งหนึ่งของเนื้อที่ปลูกเผือกทั้งหมดของประเทศ จังหวัดที่ปลูกมาก ได้แก่ ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชัยนาท สมุทรสาคร รองลงไป ได้แก่ ภาคใต้ ปลูกมากในจังหวัดสงขลา สุราษฎร์ธานี ชุมพร ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปลูกมากในจังหวัดบุรีรัมย์ มหาสารคาม ส่วนภาคเหนือปลูกเผือกน้อยกว่าภาคอื่นๆ ปลูกมากในจังหวัดน่าน  เผือกหอมมีลักษณะโดดเด่น แตกต่างไปจากเผือกชนิดอื่นๆ  คนไทยนิยมรับประทานเผือก ทั้งนำมาทำอาหารคาวและอาหารหวาน  เมื่อต้มสุกจะมีกลิ่นหอม

พื้นที่และฤดูการปลูกเผือกหอม
          เผือกหอมเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนปนทราย เป็นพืชที่ต้องการน้ำมาก หากขาดน้ำจะไม่เจริญเติบโต หรือถ้าปลูกในดินเหนียวหัวจะผอมยาว ไม่อวบสวย ต้นเผือกชอบดินที่มีการระบายน้ำได้ดีไม่ท่วมขังเมื่อฝนตกชุก มีอาหารอุดมสมบูรณ์ ถ้าปลูกเผือกหอมหลังจากการทำนา ควรเริ่มปลูกตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ หรือช้ากว่านี้ได้เล็กน้อย แต่ต้องเกินเดือนเมษายน เพราะถ้าปลูกช้าไปกว่านี้จะปลูกข้าวไม่ทันฝนเมื่อทำการเก็บเกี่ยวเผือกหมดแล้ว และถ้าฝนตกชุกมีน้ำขังในนา ในระยะที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวผลผลิตจะทำให้เกิดการเน่าเสียอีกด้วย แต่ถ้าปลูกเผือกในฤดูแล้งต้องรดน้ำอย่าให้ขาด


วิธีการปลูกเผือกหอม


การเตรียมแปลงเพาะพันธุ์และการชำกล้าเผือก 
          ไถปรับดินให้เรียบ ปูด้วยขี้เถ้าแกลบหนาประมาณ 1-2 นิ้ว วางลูกเผือกหรือซอเผือกลงบนแปลง โรยทับด้วยขี้เถ้าแกลบบางๆ

วิธีชำต้นเผือก
          เมื่อได้พันธุ์เผือกมาแล้ว นำมาวางบนดินที่เปียกชุ่มในที่ร่มให้วางเป็นแถวๆ ปิดคลุมด้วยฟางรดน้ำให้ชุ่มประมาณ 5-6 วัน เผือกจะเริ่มผลิหน่อเติบโตเป็นต้นอ่อนสูงประมาณ 10-12 ซม. ถ้าลูกเผือกแตกหน่อหลายยอด ควรเด็ดให้เหลือเพียงยอดเดียวแล้วทำการย้ายไปปลูกได้

การเตรียมดินและการปลูกเผือกหอมลงในแปลงปลูก 
          1. ยกร่องทำแปลงปลูกกว้างประมาณ 5 ม. ยาวไปตามพื้นที่ดิน ระยะห่างของร่องห่างกันประมาณ 1-1 ½ เมตร เมื่อฝนตกหนักน้ำจะได้ไม่ขังบนแปลงปลูก ทำการไถดะ ไถแปร คราดแปลงตามแนวยาวปรับพื้นที่ให้เรียบ

          2. หากดินเป็นกรด ควรหว่านปูนขาว อัตรา 200-400 กิโลกรัมต่อไร่ (ขึ้นอยู่กับดินว่าเป็นกรดมากหรือน้อย) หว่านปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก หรือ อินทรียวัตถุ แล้วไถกลบก่อนปลูก 2-3 เดือน

          3. นำหน่อเผือกที่แตกใบ 1-2 ใบแล้ว ย้ายปลูกลงแปลง แบบปักดำแบบทำนาข้าวระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 60 เซนติเมตร ระหว่างแถวให้อยู่ที่ประมาณ 30-40 เซนติเมตร

          4. ควรปลูกลงในหลุมให้ลำต้นตั้งตรง กลบดินพอมิดหัวเผือก และควรปลูกในตอนเย็น และต้องรดน้ำให้ดินชุ่มอยู่เสมอ

          5.ควรตัดหน่อที่แตกออกทิ้งเสียให้เหลือไว้เพียงต้นเดียว เพราะถ้ามีหลายหน่อเผือกจะมีหัวเล็ก ขายไม่ได้ราคา

          6. เผือกจะมีหัวและโตขึ้นเรื่อยๆ เมื่ออายุประมาณ 4-5 เดือน ระยะนี้ให้พูนดินคลุมโคนเผือก หัวเผือกจะดูดอาหารจากดินคลุมโคนได้ง่ายขึ้น จึงทำให้เผือกมีหัวป้อมใหญ่ น้ำหนักดี

          7. พื้นที่ 1 ไร่ สามารถปลูกเผือกได้ประมาณ 12,000 หน่อ หรือประมาณ 100-200 กิโลกรัม

          “อย่างที่เกษตรกรทราบว่า ต้นเผือกชอบดินที่มีการระบายน้ำและอากาศได้ดี มีอาหารอุดมสมบูรณ์ ดินไม่เปรี้ยวหรือเป็นกรด ดังนั้นเพื่อให้การปลูกเผือกหอมประสบความสำเร็จมากขึ้น เราขอแนะนำการเติมเต็มแร่ธาตุที่สำคัญให้กับดิน ด้วยเขียวขจีนาโนแคปซูล ผสมน้ำฉีดพ่นไปบริเวณแปลงปลูก จะช่วยเติมเต็มแร่ธาตุต่างๆทำให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์ ดินจะร่วนซุย ถ่ายเทน้ำและอากาศได้ดี ช่วยลดปัญหาเรื่องดินเปรี้ยว ช่วยเติมเต็มธาตุอาหารให้อุดมสมบูรณ์มากขึ้น มีความเหมาะสมกับการเพาะปลูกเผือกหอมมากขึ้น ”

การให้น้ำ 
          ปล่อยน้ำให้ท่วมแปลงเป็นระยะ อย่าให้ขาดน้ำ รักษาระดับน้ำให้สูงประมาณ 5-10 เซนติเมตร อยู่ตลอดเวลา

          “เกษตรกรควรฉีดพ่นปุ๋ยทางใบควบคู่ไปกับการให้น้ำจะช่วยลดการใส่ปุ๋ยทางดินได้เพิ่มขึ้น ทำให้พืชโตเร็วแข็งแรง ”

การคลุมแปลง 
          เพื่อช่วยรักษาความชุ่มชื้นและอุณหภูมิ เพื่อป้องกันวัชพืชจะใช้ฟางข้าว เปลือกถั่ว หญ้าคา พลาสติกดำ เป็นวัสดุคลุมแปลง **การใช้วัสดุคลุมแปลง จะช่วยเพิ่มผลผลิตให้สูงขึ้นอีก 18-20%

การใส่ปุ๋ย
ครั้งที่ 1 รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอก 1-3 กำมือต่อต้น และปุ๋ย 18-6-6 อัตรา 50-100 กิโลกรัม/ไร่
ครั้งที่ 2 อายุ 2 เดือน ใส่ปุ๋ย 18-6-6 หรือ 15-15-15 หรือ 46-0-0 อัตรา 50 กิโลกรัม/ไร่
ครั้งที่ 3 อายุ 4 เดือน ใส่ปุ๋ย 13-13-21 อัตรา 50 กิโลกรัม/ไร่


การเก็บเกี่ยวเผือกหอม
          เก็บเกี่ยวเมื่อเผือกมีอายุได้อายุ 6-7 เดือน โดยสังเกตเห็นใบเผือกจะเล็กลง ใบล่างๆจะมีสีเหลือง เหลือใบยอด 2-3 ใบ จึงสามารถขุดเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ ซึ่งก่อนขุดเผือกประมาณ 15-30 วัน ไม่ควรเอาน้ำเข้าแปลงหรือรดน้ำเพราะเผือกจะดูดซึมน้ำไว้มาก ทำให้เก็บผลผลิตไว้ได้ไม่นาน

          วิธีขุดหัวเผือก ใช้จอบหรือเสียมขุดใกล้ต้นเผือกแล้วงัดต้นเผือกขุดกองรวมกันไว้ หลังจากเก็บหัวเผือกแล้ว ให้เก็บลูกเผือกหรือลูกซอหาฟางหรือหญ้าคลุมดินไว้กันความร้อนจากแสงแดด จะสามารถเก็บปลูกไว้ในดินได้นานสำหรับทำพันธุ์คราวต่อไป ถ้าฝนตกชุกต้องเก็บลูกเผือกขึ้นจากดิน เพราะลูกเผือกจะเน่าเสียหายได้ ให้นำไปวางไว้ในที่ร่มอากาศถ่ายเทได้สะดวก

          ส่วนต้นเผือกที่ขุดมาต้องลอกกาบแห้งๆ ออกให้หมด ตัดลูกเผือก ตัดราก และส่วนยอดทิ้งเหลือแต่หัวเผือก สำหรับลูกเผือกจะเก็บไว้ทำพันธุ์หรือขายก็ได้ เผือกหอมเป็นพืชที่ทำรายได้ให้แก่เกษตรกรได้ดีอีกพืชหนึ่ง ในเนื้อที่ 1 ไร่จะได้ผลผลิตเผือกหอมประมาณ 1,400-2,000 กิโลกรัม

ข้อควรระวังในการปลูกเผือกหอม
          ไม่ควรใช้ยาชนิดเม็ดหยอดบริเวณหัวเผือกในการป้องกันโรคหัวเน่า เพราะมีฤทธิ์ตกค้างยาวนานถึง 120 วัน หรือมากกว่านั้น ถ้าเกษตรกรเก็บเผือกไปขายแก่ผู้บริโภค หากจำเป็นต้องใช้ยานี้ควรใช้ก่อนวันเก็บเกี่ยวตั้งแต่ 120 วันขึ้นไป

ปลูกแล้วไม่มีที่ขาย ซื้อ-ขาย "เผือก" ได้ที่
VV คลิก VV

* * * * *
ภาพ : pinterest

แชร์...ตรงนี้  เพื่อเป็นประโยชน์ ให้เพื่อนที่ได้เห็น
VVVVVVVVV
Powered by Blogger.